บทที่ 9 การจัดเตรียมฮาร์ดดิส


9.1 การจัดเตรียมฮาร์ดดิสก์

การจัดเตรียมฮาร์ดดิสก์

การเตรียมความพร้อมของฮาร์ดดิสก์นั้น โดยหลักแล้วสามารถแบ่งได้เป็น 2 ขั้นตอนด้วยกันคือ

1. การแบ่งหรือการจัดสรรพาร์ติชั่น

2. การจัดเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างระบบไฟล์หรือการฟอร์แมต

โดยหลักจากการฮาร์ดดิสก์ได้ผ่านขั้นตอนทั้งสองนี้แล้วก็สามารถนำไปติดตั้ง
ระบบปฏิบัติการและซอฟต์แวร์ต่างๆ รวมถึงนำไปจัดเก็บข้อมูลได้ในทันที
พาร์ติชั่น (Partition) คือ เนื้อที่บนฮาร์ดดิสก์ที่ถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ใช้สามารถเลือกรูปแบบทั่วเตรียมพื้นที่สำหรับสร้างระบบไฟล์หรือที่เรียกว่าการฟอร์แมตระดับสูงในพื้นที่แต่แต่ละส่วนให้เป็นอิสระจากกันได้

ประเภทของพาร์ติชั่นที่จะใช้แบ่งมีอยู่ 2 ประเภท

1. Primary Partition เป็นพาร์ติชั่นหลักที่ใช้สำหรับติดตั้งและบู๊ตเข้าสู่ระบบปฏิบัติการ ซึ่งโดยมากมักจะหมายถึงไดรว์ C หรือไดรว์ที่มีการติดตั้งระบบปฏิบัติการเอาไว้ โดยในฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่งๆจะมีพาร์ติชั่นประเภท Primary ได้สูงสุงเพียงไม่เกิน 3 พาร์ติชั่นเท่านั้น โดยพาร์ติชั่นที่ใช้บู๊ตเข้าระบบปฏิบัติการจะต้องถูกกำหนดให้อยู่ในสถานะ Active

2. Extended Partition เป็นพาร์ติชั่นเสริมหรือส่วนขยายเพิ่มเติมที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ข้อจำกัดเดิมๆของพาร์ติชั่นประเภท Primary ที่ในฮาร์ดดิสก์ลูกหนึ่งๆจะสามารถมีได้สูงสุดไม่เกิน 4 พาร์ติชั่น


ข้อดี
1. ช่วยให้เราสามารถสำรองข้อมูลที่สำคัญเก็บไว้ยังพาร์ติชั่นอื่นได้ เผื่อว่าเวลาระบบ Windows มีปัญหาหนักจนถึงขั้นต้องฟอร์แมตพาร์ติชั่นที่ Windowsไว้แล้วลงใหม่ก็จะได้ไม่มี ผลกระทบใดๆหรือไม่ต้องกังวลว่าข้อมูลในพาร์ติชั่นอื่นจะสูญหายไป


2. เพื่อความสะดวกและเรียบร้อยในการจัดเก็บหรือแยกแยะประเภทของข้อมูลต่างๆให้เป็นสัดเป็นส่วน

3. เพื่อความรวดเร็วในการค้นหาข้อมูลและจำกัดพื้นความรวดเร็วในการค้นหาข้อมูลและจำกัดพื้นที่ในการใช้เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆเพื่อดูแลรักษาเครื่อง เช่น การใช้โปรแกรมAntivirus ในการสแกนหาไวรัสในแต่ละพาร์ติชั่นที่สงสัยและการจัดเรียงข้อมูล (Defrag) ทีละพาร์ติชั่นเป็นต้น

4. ช่วยให้เราสามารถติดตั้งหลายๆระบบปฏิบัติการในฮาร์ดดิสก์ลูกเดียว

ข้อเสีย

1. หากกำหนดขนาดของพาร์ติชั่นไว้เล็กเกินไปอาจทำให้มีปัญหาในกานทำงานร่วมกับไฟล์งานของโปรแกรมบางตัวที่มีขนาดใหญ่ เช่น ไฟล์วิดี เป็นต้น

2. หากแบ่งพาร์ติชั่นไว้จำนวนมากอาจทำให้สับสนได้ง่าย

3. ผู้ใช้ควรศึกษาให้เข้าใจถึงทฤษฎีและหลักการในเบื้องต้นเสียก่อน จึงจะสามารถลงมือแบ่งพาร์ติชั่นไดอย่างถูกต้องและเหมาะสมเช่น ข้อแนะนำในเรื่องของการกำหนดขนาดของพาร์ติชั่นที่ใช้ระบบไฟล์แบบ FAT32 ว่าไม่ควรมีขนาดเกินกว่า 32 GB (หรือถ้าจะกำหนดให้มีขนาดใหญ่กว่านี้ก็สามารถทำได้ แต่ขนาดของคลัสเตอร์ก็จะใหญ่ตามขึ้นไปด้วย ซึ่งมีผลทำให้ประสิทธิภาพในการจัดเก็บข้อมูลนั้นลดลง ดังนั้นในทางปฏิบัติจึงแนะนำให้ใช้ระบบไฟล์แบบ NTFS แทน) เป็นต้น


9.2 การสร้างพาร์ติชั่นในฮาร์ดดิสก์

      การจัดพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ คือขั้นตอนของการ จัดรูปแบบการใช้งานของ ฮาร์ดดิสก์ ก่อนขั้นตอนการ ฟอร์แมต โดยที่เราสามารถ ทำการแบ่ง ฮาร์ดดิสก์ ออกเป็นขนาดต่าง ๆ เพื่อกำหนดให้ใช้งานได้ในแต่ละ Drive เพื่อความเป็นระเบียบของข้อมูล เช่น ฮาร์ดดิสก์ ขนาดเต็ม 8 GB อาจจะทำการแบ่งออกเป็น Drive C: ขนาด 3 GB เพื่อใช้สำหรับลง Windows และซอฟต์แวร์ต่าง ๆ และทำการแบ่งเป็น Drive D: อีกส่วนหนึ่งโดยให้มีขนาดเป็น 5 GB เพื่อใช้สำหรับเก็บข้อมูลอื่น ๆ เป็นต้น
ชนิดของพาร์ติชั่น จะแบ่งออกตามชนิดของ FAT ต่าง ๆ ได้ดังนี้
  • FAT16 เป็นการจัดพาร์ติชันสำหรับ DOS, Windows 3.1 และ Windows 95 รุ่นแรก ๆ จะรองรับขนาดของพาร์ติชันได้สูงสุดที่ 2 GB ต่อ 1 พาร์ติชั่นเท่านั้น
  • FAT32 เป็นการจัดพาร์ติชันสำหรับ Windows 97 OSR2 และ Windows 98 สามารถรองรับขนาดของพาร์ติชันได้จาก 512 KB ไปจนถึง 64 GB ต่อ 1 พาร์ติชัน
  • NTFS เป็นการจัดพาร์ติชันสำหรับ Windows NT
          ดังนั้น หากจะทำการจัดแบ่งพาร์ติชัน ให้ใช้งานฮาร์ดดิสก์ที่ขนาดมากกว่า 2 GB ต่อ 1 พาร์ติชันก็ต้องทำการสร้างพาร์ติชันแบบ FAT32 ซึ่งจะสามารถใช้งานได้ในระบบ Windows 95 OSR2 หรือ Windows 98 ขึ้นไปเท่านั้น ซอฟต์แวร์ ที่ใช้สำหรับการจัดแบ่ง พาร์ติชันของ ฮาร์ดดิสก์ แบบง่าย ๆ ก็คือโปรแกรม FDISK ที่มีมาให้กับ Windows 98 นั่นเอง โดยที่ต้องอย่าลืมว่า การใช้ FDISK จาก Windows 98 จะสามารถสร้างพาร์ติชันแบบ FAT32 ได้ แต่ถ้าหากเป็น FDISK ที่มากับ Windows 95 หรือของ DOS จะสามารถทำได้เฉพาะระบบ FAT16 เท่านั้นไม่สามารถทำเป็น FAT32 ได้

            โดยปกติแล้ว ขั้นตอนการจัดแบ่งพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ ไม่จำเป็นต้องทำบ่อยนัก จะทำในกรณีที่ต้องการ เปลี่ยนแปลงรูปแบบ ชนิดของ FAT หรือกำหนดขนาดของพาร์ติชันใหม่เท่านั้น ซึ่งขั้นตอนการจัดพาร์ติชันใหม่นี้ ข้อมูลทุกอย่างที่เก็บอยู่ใน ฮาร์ดดิสก์ จะหายไปทั้งหมดด้วย ดังนั้นต้องระวังหรือทำการเก็บสำรองข้อมูลที่สำคัญเก็บไว้ก่อน ในที่นี้จะยกตัวอย่างของการจัดการ และการแบ่งพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์ โดยการใช้คำสั่ง FDISK ที่มีมากับ Windows เพื่อเป็นการเตรียมฮาร์ดดิสก์ก่อนขั้นตอนการลง Windows ต่อไป


หลักของการแบ่งพาร์ติชั่นด้วย FDISK

ก่อนอื่น มาทำความเข้าใจเรื่องของคำที่จะใช้ และหลักการแบ่งพาร์ติชั่นด้วย FDISK กันก่อนครับ โดยที่มีหลักการแบ่ง เรียงตามลำดับ เพื่อให้เกิดความเข้าใจแบบง่าย ๆ และรวดเร็วดังนี้

1. ขั้นแรก ต้องสร้างพาร์ติชั่นที่เป็น Primary DOS Partition ก่อน โดยถ้าหากจะแบ่งเป็นไดร์ฟเดียว ก็เลือกตรงนี้ให้มีขนาดเป็น 100% ได้เลย แต่ถ้าหากต้องการแบ่งให้เป็นหลาย ๆ ไดร์ฟ ก็กำหนดขนาดไปตามต้องการ
2. ต่อไป ต้องสร้าง Extended DOS Partition โดยกำหนดขนาดให้เท่ากับพื้นที่ ที่เหลือจากข้อ 1. ครับ ตรงนี้จะยังไม่ใช่ไดร์ฟหรือพาร์ติชั่นตัวที่สอง แต่จะเป็นการกำหนดพื้นที่สำหรับ พาร์ติชั่นตัวที่สองหรือตัวถัดไปเท่านั้น
3. ทำการสร้าง Logical DOS Drive(s) ขึ้นมาอีกครั้ง (ซึ่งจะใช้พื้นที่ของ Extend DOS Partition ที่ได้สร้างไว้แล้ว) โดยที่ตรงนี้ จะกำหนดขนาดของพาร์ติชั่นที่ต้องการสำหรับไดร์ฟถัดไป เช่นอาจจะกำหนด ให้ใช้พื้นที่ ที่เหลืออยู่ทั้งหมด เป็นอีกไดร์ฟหนึ่ง ก็เลือกขนาดเป็น 100% แต่ถ้าหากต้องการแบ่งย่อยขนาดลงไป ก็ต้องสร้าง Logical DOS Drive(s) ให้มีขนาดย่อย ๆ ตามต้องการ

ยกตัวอย่างละกัน สมมติว่าฮาร์ดดิสก์ขนาด 20G. ต้องการแบ่งเป็น 3 พาร์ติชั่น โดยมีขนาดเป็น 5+5+10 จากข้อ 1. ก็ต้องสร้าง Primary DOS Partition ขึ้นมาขนาด 5G. ก่อน แล้วค่อยสร้าง Extended DOS Partition ขนาด 15G. ที่เหลือ จากนั้นค่อยทำการสร้างเป็น Logical DOS Drive(s) โดยกำหนดให้มีขนาด 5G. และ 10G. ตามลำดับครับ

คำสั่ง FDISK จะสามารถหาได้จากแผ่น Windows 98 Start Up Disk ถ้าหากยังไม่มี ต้องทำการสร้างแผ่น Windows 98 Startup Disk ขึ้นมาก่อน หลังจากนั้น จึงทำการบูทเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยการบูทเครื่องจากแผ่น Windows 98 Startup Disk จากนั้น พิมพ์คำสั่ง fdisk แล้วกด Enter


ถ้าฮาร์ดดิสก์มีขนาดใหญ่มากกว่า 512MB จะมีคำถามว่าต้องการสร้างพาร์ติชันขนาดใหญ่หรือไม่ หรือเป็นการถามว่า ต้องการใช้งานแบบ FAT32 หรือไม่นั่นเอง หากตอบ [N] ก็จะเป็นการกำหนดให้ใช้งานแบบ FAT16 หรือเหมือนกับการใช้ FDISK ของ DOS หรือ Windows 95 รุ่นเก่าไป แต่ถ้าต้องการแบ่งพาร์ติชันแบบ FAT32 ก็ให้กด [Y]


เมนูหลักสำหรับการใช้งานแบบต่าง ๆ โดยปกติแล้วจะมีแค่ 4 รายการ แต่ถ้าหากมีการต่อฮาร์ดดิสก์มากกว่า 1 ตัว จะมีเมนูที่ 5 คือ Change current fixed disk drive สำหรับเลือกว่าจะทำงานกับ ฮาร์ดดิสก์ ตัวไหนให้เลือกด้วย การแสดงข้อมูลของ พาร์ติชัน ต่าง ๆ ทำโดยเลือกที่เมนู 4. Display partition information


เมนูของการแสดงพาร์ติชัน (เลือกจากเมนู 4. จากเมนูหลัก) จะแสดงข้อมูลต่าง ๆ ของพาร์ติชัน ในฮาร์ดดิสก์ จะเห็นรายละเอียดและการกำหนดรูปแบบการใช้งานต่าง ๆ รวมถึงการจัดแบ่งขนาดต่าง ๆ ด้วย ในกรณีที่เป็น ฮาร์ดดิสก์ ที่ยังไม่ได้ทำการจัดพาร์ติชัน ก็จะไม่มีข้อมูลแสดงให้เห็น เราสามารถกดปุ่ม ESC เพื่อกลับไปเมนูหลัก


เมนูของการลบพาร์ติชัน (เลือกเมนู 2. จากเมนูหลัก) จะมีเมนูให้เลือกรายการลบพาร์ติชันต่าง ๆ ซึ่งขออธิบายความหมายของแต่ละพาร์ติชัน ดังนี้
  • Primary DOS Partition เป็นพาร์ติชันหลักของฮาร์ดดิสก์
  • Extended DOS Partition เป็นพาร์ติชันถัดไปของฮาร์ดดิวก์
  • Logical DOS Drive(s) จะเป็นการกำหนดขนาดต่าง ๆ ที่อยู่ใน Extended DOS Partition อีกที ซึ่งสามารถกำหนดการสร้างได้หลาย ๆ Drive ตามต้องการ
  • Non-DOS Partition เป็นพาร์ติขันในระบบอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ระบบของ DOS
ในการลบพาร์ติชัน จะต้องทำการลบโดยเรียงลำดับข้อมูลด้วย เช่นต้องลบ Logical DOS Drive ออกให้หมดก่อนจึงจะลบ Extended DOS Partition ได้ และหลังจากนั้น จึงทำการลบ Primary DOS Partition ตามลำดับต่อไป


หากทำการลบพาร์ติชันต่าง ๆ ข้อมูลทุกอย่างที่เก็บอยู่ในพาร์ติชันนั้น ๆ จะหายไปหมด ดังนั้นเมื่อจะทำการลบพาร์ติชัน จะมีการถามยืนยันการลบ โดยให้ใส่ Volume Label ของฮาร์ดดิสก์นั้นก่อนด้วย เพื่อเป็นการป้องกันการลบข้อมูล โดยไม่ได้ตั้งใจหรือลบผิดพาร์ติชัน ดังนั้น หากจะทำขั้นตอนนี้ ต้องใช้ความระมัดระวังและอ่านรายละเอียดต่าง ๆ ให้รอบคอบก่อน


เมนูของการสร้างพาร์ติชัน (เลือกเมนู 1. จากเมนูหลัก) จะเป็นการสร้างพาร์ติชันแบบต่าง ๆ ซึ่งจะคล้าย ๆ กับเมนูของการลบพาร์ติชัน คือจะมีการสร้าง Primary DOS Partion, Extended DOS Partition และการสร้าง Logical DOS Drive ใน Extended DOS Partition ปกติแล้วก็จะสร้างเรียงตามลำดับตามต้องการ


กรณีที่เลือกสร้าง Primary DOS Partition เป็นอักแรก จะมีเมนูถามว่า ต้องการใช้พื้นที่ทั้งหมดในฮาร์ดดิสก์สำหรับทำเป็น Primary DOS Partition หรือไม่ หากต้องการใช้พื้นที่ทั้งหมดสร้างเป็น Drive เดียวก็เลือก [Y] แต่ถ้าหากต้องการระบุขนาดต่าง ๆ ของพาร์ติชันด้วยตัวเอง ก็เลือกที่ [N] เพื่อกำหนดขนาดเอง


จากรูป ถ้าหากเลือกที่จะกำหนดขนาดของ Primary DOS Partition เองโดยเลือก [N] จากขั้นตอนที่แล้ว จะมีเมนูให้ใส่ขนาดของ Primary DOS Partition ตามต้องการ โดยอาจจะใส่เป็นตัวเลขจำนวนของ MB หรือใส่เป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ก็ได้ จากตัวอย่างสมมติว่ากำหนดขนาดเป็น 70% ของจำนวนฮาร์ดดิสก์ทั้งหมด ก็ใส่ 70% แล้วกด Enter


หลังจากนั้น ก็ทำการสร้าง Extended DOS Partiton จากส่วนของพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ที่เหลือ โดยการเลือกเมนูที่ 2. Create Extended DOS Partition ทำการกำหนดขนาดของพื้นที่ตามที่ต้องการ จากตัวอย่างคือจะใช้พื้นที่ 30% ที่เหลือทั้งหมด โดยการกำหนดขนาดนี้อาจจะใส่เป็ยตัวเลขจำนวน หรือใส่เป็นตัวเลขเปอร์เซ็นต์ ก็ได้แล้วกด Enter


หลังจากที่สร้าง Extended DOS Partition แล้วจะมีการแสดงรายละเอียดของการแบ่งพาร์ติชันต่าง ๆ ให้ดูตามรูป


ในส่วนของ Logical Drive จะเป็นการสร้างขึ้นภายในของ Extended DOS Partition อีกที ซึ่งการกำหนดขนาดของพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ ก็กำหนดขนาดตามต้องการ หรือถ้าต้องการแบ่งในส่วนของ Extended DOS Partition ออกเป็นหลาย ๆ Drive ก็สามารถทำการกำหนดแบ่งได้จากส่วนของ Logical Drive นี้


หลังจากที่ทำการสร้างและจัดแบ่งพาร์ติชันต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว เมื่อกลับมาที่เมนูหลัก จะมีคำเตือนว่าไม่มีการกำหนดพาร์ติชันไหน active อยู่เลย ต้องทำการกำหนดพาร์ติชันที่สร้างขึ้นมาให้เป็น active partition ด้วยเพื่อให้สามารถใช้บูทเครื่องได้ การกำหนดทำโดยการเลือกที่เมนู 2. Set active partition


ใส่หมายเลขของ Partition ที่ต้องการให้เป็น active partition และกด Enter


เมื่อเลือกที่เมนู 4. เพื่อดูรายละเอียดต่าง ๆ ก็จะเห็นลักษณะการจัดและแบ่งพาร์ติชันในฮาร์ดดิสก์ รวมถึงพาร์ติชันที่ตั้งให้เป็น active partition ด้วย


     หลังจากที่ทำการกำหนดและแบ่ง Partition ต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยแล้ว เมื่อออกจากโปรแกรม FDISK ก็จะมีข้อความเตือนว่า ให้ทำการ Restart เครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่ก่อน การจัดพาร์ติชันต่าง ๆ จึงจะมีผลและทำการ format ฮาร์ดดิสก์ต่อไป

       การจัดแบ่งพาร์ติชันของ ฮาร์ดดิสก์นี้ โดยปกติแล้ว จะไม่จำเป็นต้องทำทุกครั้งที่ลง Windows ใหม่ ซึ่งจะทำการจัดพาร์ติชัน ก็ต่อเมื่อต้องการจัดแบ่งขนาดของ ฮาร์ดดิสก์ใหม่ หรือต้องการลบข้อมูล ให้สะอาดจริง ๆ เนื่องจากเกิดการติดไวรัส เครื่องคอมพิวเตอร์ เท่านั้น และอย่าลืมว่า การทำ FDISK นี้ข้อมูลทุกอย่างที่มีอยู่ใน ฮาร์ดดิสก์ จะหายไปทั้งหมดด้วย จึงควรจะต้องใช้ความระมัดระวัง ในการทำทุก ๆ ขั้นตอน

9.3 การฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์

การ ฟอร์แมต ฮาร์ดดิสก์ จะเป็นขั้นตอนที่ต้องทำต่อจาก แบ่งพาร์ติชั่น หรืออาจจะใช้เมื่อต้องการ ลบข้อมูลทุก ๆ อย่าง ที่มีอยู่ในฮาร์ดดิสก์ออกทั้งหมด เช่น ทำการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ เพื่อจะทำการลง Windows ใหม่ เป็นต้น
หลังจากที่ทำการจัดแบ่งพาร์ติชัน โดยการทำ FDISK เสร็จแล้ว เราจะยังไม่สามารถใช้งาน Hard Disk นั้นได้ในทันที โดยจะต้องทำการ ฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ก่อน ซึ่งก็จะมีวิธีการง่าย ๆ คือใช้คำสั่ง format ที่อยู่ในแผ่น Windows 98 Startup Disk ก่อนอื่นมาดู คำสั่ง ในแบบต่าง ๆ ที่นิยมใช้กันก่อน
  • format c: แบบไม่มีอะไรต่อท้าย คือการ format drive c: แบบมาตราฐานทั่วไป
  • format c: /s คือการ format drive c: โดยจะทำระบบ system file ให้สามารถใช้บูทเครื่องได้ด้วย
  • format c: /q คือการ format drive c: แบบรวดเร็ว จะใช้ได้กับ Hard Disk ที่ format แล้วเท่านั้น
  • format c: /c คือการ format drive c: โดยทำการตรวจสอบ bad sector ของฮาร์ดดิสก์ ด้วย
  • format c: /u คือการ format drive c: โดยแบบนี้ จะไม่สามารถทำการ unformat เพื่อกู้ข้อมูลคืนมาได้
รูปแบบของคำสั่ง พอจะแบ่งออกได้คร่าว ๆ คือ
  • format คือการเรียกคำสั่ง format นี้เพื่อเริ่มต้นใช้งาน
  • c: หมายถึงชื่อของ drive ที่ต้องการทำการ format โดยที่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ อาจจะมีได้หลาย drive เช่น c: d: e: หรือ f: ก็ได้ แล้วแต่ว่า จะมีการแบ่งพาร์ติชันไว้อย่างไร ตรงนี้ต้องระวัง ใส่ให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้น อาจจะทำให้ข้อมูลต่าง ๆ หายไปหมดได้
  • /s หรือ /q หรือ /c หรือ /u เป็นการกำหนดการทำงานของการ format เพิ่มเติมจากปกติ ตามรายละเอียดด้านบน โดยอาจจะใส่หรือไม่ต้องใส่ก็ได้
ทั้งนี้การใช้คำสั่งฟอร์แมต แบบต่าง ๆ อาจจะใช้ร่วมกันก็ได้เช่น format c: /s/q คือสั่งฟอร์แมตแบบรวดเร็ว และทำการสร้าง system file เพื่อให้สามารถใช้บูทเครื่องได้ด้วย เป็นต้น
วิธีการสั่งฟอร์แม็ตฮาร์ดดิสค์ เริ่มจากการบูทเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยอาจจะใช้การบูทจากแผ่น Windows Startup Disk แล้วเลือกที่ข้อ 1. จากเมนู หรือจะบูตเครื่องจากฮาร์ดดิสก์ และสั่ง Shutdown โดยเลือกเข้าที่ DOS Mode ก็ได้ จากนั้น พิมพ์คำสั่ง format ตามด้วยค่าพารามิเตอร์ด้านบน และกด ENTER ครับ
มาดูตัวอย่างและหน้าตาของการทำฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ตามรูปต่อไป โดยรูปตัวอย่างต่อไปนี้ จะเป็นการบูทเครื่องจากแผ่น Windows Startup Disk และเลือกเข้ามาที่ DOS Prompt เข้ามาที่เมนูแรกหรือจะขึ้นเครื่องหมาย A:\> ก่อน จากนั้นพิมพ์คำสั่ง format c: /s (เป็นการสั่งฟอร์แม็ตโดยจะใส่ system file เพื่อให้ใช้บูทเครื่องได้ด้วย)


จากรูป เป็นการสั่ง format c: /s เพื่อทำการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์ โดยกำหนดให้ทำการสร้าง system file ด้วยเพื่อให้ฮาร์ดดิสก์นี้ ใช้ทำการบูทเครื่องได้ หลังจากสั่งฟอร์แมตแล้ว จะมีการถามเพื่อยืนยันการฟอร์แมตอีกครั้ง กด y และกด Enter เพื่อเริ่มต้นการฟอร์แมต รอสักพักอาจจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับขนาดและความเร็วของฮาร์ดดิสก์ รอจนเสร็จจะมีเมนูให้ใส่ชื่อ Volume Label ก็ใส่ชื่อตามต้องการ


หลังจากนั้น จะแสดงรายละเอียดต่าง ๆ เท่านี้เป็นอันเสร็จขั้นตอนการฟอร์แมต สามารถนำเอาฮาร์ดดิสก์นี้ไปใช้งานได้ทันที ในกรณีที่ได้ทำการแบ่งฮาร์ดดิสก์ออกเป็นหลาย ๆ ไดร์ฟ ก็ต้องทำการฟอร์แมตทุก ๆ ไดร์ฟ จนครบตามต้องการด้วย

ข้อมูลอ้างอิงจาก :: www.com-th.net